การใช้ฟังก์ชัน COUNTIF นับจำนวนข้อมูลตามเงื่อนไข ใน Excel

การใช้ฟังก์ชัน COUNTIF นั้นจะนับจำนวน cell แบบมีเงื่อนไขเดียว ตามที่เรากำหนดเงื่อนไขให้

บทความก่อนหน้านี้เราได้เรียนการใช้ฟังก์ชัน COUNT ไปแล้ว 2 แบบ การใช้ฟังก์ชัน COUNT นับจำนวนตัวเลข ใน Excel กับ การใช้ฟังก์ชัน COUNTA นับจำนวนข้อมูลทุกประเภทใน Excel บทความเรามาเรียนรู้ฟังก์ชัน COUNTIF ซึ่งจะนับจำนวนตามเงื่อนไขที่เรากำหนดให้

Syntax

COUNTIF(range,criteria)

พารามิเตอร์ที่จำเป็นสำหรับฟังก์ชัน COUNTIF

range    จำเป็นต้องใส่ จะใส่เป็นตำแหน่งอ้างอิงเซลล์ที่ต้องการใช้ตรวจสอบเงื่อนไข หรือจะใส่เป็น Name ก็ได้
criteria   จำเป็นต้องใส่ ค่าที่จะนำไปตรวจสอบใน range

สิ่งที่ควรรู้ก่อนใช้งานฟังก์ชัน COUNTIF

  1. ฟังก์ชัน COUNTIF ไม่สามารถตรวจสอบค่าเงื่อนไขที่ยาวเกิน 255 ตัวอักษรได้
  2. พารามิเตอร์ range นั้นสามารถใช้ Name แทน A2:A23 ได้ หรือ จะใส่ชื่อของ Table ก็ได้
  3. criteria ที่จะใช้ตรวจสอบต้องอยู่ในเครื่องหมาย “….”
  4. ฟังก์ชัน COUNTIF ไม่คำนึงถึงตัวเล็ก ตัวใหญ่ BANGKOK กับ bangkok มีค่าเท่ากัน
  5. สามารถใช้เครื่องหมาย ? แทนตัวอักษร 1 ตัว หรือใช้ * แทนตัวอักษรหลายตัว ดูเพิ่มเติมที่ตัวอย่างการใช้งาน

ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน COUNTIF

การใช้ฟังก์ชัน COUNTIF ด้วย range ข้อมูลทั่วไป

ทดลองใช้งานฟังก์ชัน COUNTIF ด้วยคำสั่งดังนี้ =COUNTIF(A2:A23,"Bangkok") เป็นการนับจังหวัด Bangkok ผลลัพธ์ที่ได้จะเท่ากับ 1

การใช้ฟังก์ชัน COUNTIF นับจำนวนข้อมูลตามเงื่อนไข ใน Excel

การใช้งานฟังก์ชัน COUNTIF ด้วยเครื่องหมาย ? และ *

เครื่องหมาย ? แทนตัวอักษร 1 ตัว ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะเหมือนกับตัวอย่างก่อนหน้าคือได้เท่ากับ 1

การใช้ฟังก์ชัน COUNTIF นับจำนวนข้อมูลตามเงื่อนไข ใน Excel

หรือใช้ * แทนตัวอักษรหลายตัว ถ้าเราต้องการจะนับจังหวัดที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า Nakhon สามารถใช้เครื่องหมาย * ได้ดังตัวอย่างด้านล่าง ผลลัพธ์จะได้เท่ากับ 3

การใช้ฟังก์ชัน COUNTIF นับจำนวนข้อมูลตามเงื่อนไข ใน Excel

การใช้ Name หรือชื่อของ Table แทนการใส่ range ของข้อมูล

เราสามารถใส่ Name หรือชื่อของ Table แทนการใส่ range ได้ดังตัวอย่างด้านล่าง

การใช้ฟังก์ชัน COUNTIF นับจำนวนข้อมูลตามเงื่อนไข ใน Excel