เริ่มต้นด้วยดีไซด์ตัวเครื่องเป็นแบบ Metal unibody อลูมิเนียมและกระจก รูปทรงโค้งมนจับถือถนัดมือ มีให้เลือกด้วยกัน 3 สี คือ Very Black, Quite Silver และ Really Blue หน้าจอเป็น  AMOLED ป้องกันรอยขีดข่วนด้วย  Gorilla Glass 4

มาพร้อมด้วย Google Assistant ที่เราได้ลองเล่นไปแล้วในแอป Google Allo ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ซึ่งตัว Google Assistant นี้จะคล้าย ๆ Google Now เรียกใช้ด้วยการกดปุ่มโฮมค้าง และพูด “Ok Google”

กล้องคืออีกหนึ่งจุดเด่นของ Google Pixel ด้วยคะแนนจากการทดสอบของ DxOMark ถึง 89 คะแนนสูงที่สุด ณ ขณะนี้ (5 ตุลาคม 2559) กล้องหลัง 12.3MP พิกเซลขนาด 1.55μm รูรับแสง f/2.0 พร้อมด้วยโหมด HDR+, Lens Blur, Panorama in Fisheye mode, Photosphere, Smartburst พร้อมกับความสามารถ่ายวีดีโอ 4K @30fps และ 1080p และ 720p @ 30fps, 60fps, 120fps ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 8MP รูรับแสง f/2.4 Fixed focus พร้อมทั้งให้พื้นที่เก็บภาพถ่ายและวีดีโอบน Google Photo แบบไม่จำกัดด้วย Google Duo แอป VDO call high-quality video ที่สามารถใช้ได้ทั้ง Android และ iOS

Switching อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่จะช่วยให้คุณสามารถถ่ายโอนข้อมูลไม่ว่าจะเป็น contacts, calendar, ภาพถ่าย, videos, เพลง, ข้อความ, iMessages หรืออื่น ๆ จากสมาร์ทโฟนเครื่องเก่าไม่ว่าจะเป็น iOS หรือ Android มายัง Google Pixel เป็นเรื่องง่ายๆ ผ่าน Quick Switch Adapter เพียง 3 ขั้นตอน Connect, Sign in และ Transfer

ปลดล็อกหน้าจออย่างรวดเร็วด้วย Pixel Imprint ที่ติดตั้งไว้ด้านหลังตัวเครื่อง โดยการสแกนลายนิ้วมือและ swipe down เลื่อนนิ้วลงบนตัว sensor เพื่อเข้าสู่หน้าจออย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ยังมาพร้อมคุณสมบัติชาร์จเร็วเพียง 15 นาที สามารถใช้งานได้ถึง 7 ชั่วโมง และ USB Type-C

สเปกอื่น ๆ ของ Google Pixel ก็ตามด้านล่างครับ

ดูสเปกแบบเต็มๆ ได้ที่ https://madeby.google.com/phone/specs/

ซึ่งตอนนี้ก็เปิดพรีออเดอร์แล้วในสหรัฐฯ, ออสเตรเลีย, แคนาดา, เยอรมนีและสหราชอาณาจักร โดยราคาเริ่มต้นรุ่น Pixelอยู่ที่ 649$ หรือประมาณ 22,000 บาท สำหรับรุ่น 32 GB และ 749$ สำหรับรุ่น 128 GB

ส่วน Pixel XL รุ่น 32 GB ราคา 769$ และ 128 GB ราคา 869$

ที่มา : https://madeby.google.com