Error
  • JLIB_APPLICATION_ERROR_COMPONENT_NOT_LOADING
  • JLIB_APPLICATION_ERROR_COMPONENT_NOT_LOADING
  • Error loading component: com_content, 1
  • Error loading component: com_content, 1
  • Error loading component: com_content, 1
  • Error loading component: com_content, 1
  • Error loading component: com_content, 1
  • Error loading component: com_content, 1
  • Error loading component: com_content, 1
  • Error loading component: com_content, 1
  • Error loading component: com_content, 1
  • Error loading component: com_content, 1
  • Error loading component: com_content, 1
  • Error loading component: com_content, 1
  • Error loading component: com_content, 1
  • Error loading component: com_content, 1
  • Error loading component: com_content, 1
  • Error loading component: com_content, 1

การใช้ฟังก์ชัน OR ใน Excel เพื่อตรวจสอบเงื่อนไข จะให้ค่า True เมื่อเงื่อนไขบางอันเป็น True และการใช้งาน OR ร่วมกับฟังก์ชัน IF

Syntax

OR(logical1, [logical2], ...)

พารามิเตอร์ที่จำเป็นสำหรับฟังก์ชัน OR

logical1 ตัวแรกนี้จำเป็นต้องใส่ จะต้องเป็นเงื่อนไขที่ให้ผลเป็น True หรือ False โดย logical สามารถใส่ได้สูงสุด 255 ตัว

การตรวจสอบเงื่อนไขของ OR

จากตารางด้านล่างจะเห็นว่า ถ้าเงื่อนไขเป็น True เพียงเงื่อนไขเดียวผลลัพธ์ที่ได้จะเป็น True และจะเป็น False เพียงกรณีเดียวคือทุกเงื่อนไขเป็น False ทั้งหมด

การใช้ฟังก์ชัน OR ใน Excel

ตัวอย่างการใช้ฟังก์ชัน OR

1. ตรวจสอบค่า A2 ว่ามากกว่า 3 หรือไม่ โดยใช้ฟังก์ชัน OR ดังภาพด้านล่าง จะได้ผลลัพธ์เป็น True

การใช้ฟังก์ชัน OR ใน Excel

2. ตรวจสอบค่า A2 และ B2 โดยเงื่อนไขแรก A2 > 3 เป็น True และเงื่อนไขที่ 2 B2 > 25 เป็น เมื่อ OR ตรวจสอบทั้งสองเงื่อนไขแล้ว จะได้ผลลัพธ์เป็น True ดังภาพด้านล่าง

การใช้ฟังก์ชัน OR ใน Excel

การใช้ฟังก์ชัน OR ร่วมกับฟังก์ชัน IF

ถ้าดูจากสูตรด้านล่างจะมีเพียงเงื่อนไขแรกเท่านั้นที่เป็น True เงื่อนไขที่สองเป็น False แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังเป็น  OK

นั้นเพราะ OR ต้องการเพียงเงื่อนไขเดียวเท่านั้นที่เป็น True

การใช้ฟังก์ชัน OR ใน Excel

อีกตัวอย่าง ถ้าทุกเงื่อนไขออกมาเป็น False ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะออกมาเป็น False

การใช้ฟังก์ชัน OR ใน Excel