ฟังก์ชัน SUMIFS เอาใช้สำหรับหาผลรวมของข้อมูลใน Excel ตามเงื่อนไขที่เรากำหนด หลายเงื่อนไขพร้อมกั้น ฟังก์ชัน SUMIFS ถือเป็นอีกฟังก์ชันพื้นฐานที่มีการใช้งานบ่อย ๆ บทความนี้จะมาแนะนำการใช้ฟังก์ชัน SUMIFS ใน Excel ว่าฟังก์ชัน SUMIFS เราต้องทำอย่างไรบ้าง
ฟังก์ชัน SUMIFS เอาใช้สำหรับหาผลรวมของข้อมูลใน Excel ตามเงื่อนไขที่เรากำหนด หลายเงื่อนไขพร้อมกั้น ฟังก์ชัน SUMIFS ถือเป็นอีกฟังก์ชันพื้นฐานที่มีการใช้งานบ่อย ๆ บทความนี้จะมาแนะนำการใช้ฟังก์ชัน SUMIFS ใน Excel ว่าฟังก์ชัน SUMIFS เราต้องทำอย่างไรบ้าง
สำหรับใครที่ยังไม่ทราบว่าการจะใช้ฟังก์ชันใน Excel นั้นต้องทำอย่างไรบ้าง ลองอ่าน การใส่สูตรใน Excel เบื้องต้น หรือ การใช้ฟังก์ชัน Sum ใน Excel หรือ การใช้ฟังก์ชัน SUMIF ใน Excel ก่อนก็ได้
=SUMIFS(sum range, criteria_range1, criteria1, [criteria_range2, criteria2], ...)
พารามิเตอร์ที่ฟังก์ชัน SUMIFS ต้องการมีอย่างน้อย 3 ตัว คือ
sum range คือ ช่วงของข้อมูลที่เราต้องการ SUMIFS
criteria_range1 คือ ช่วงของข้อมูลที่จะใช้ตรวจสอบว่าตรงกับเงื่อนไขที่เรากำหนด (criteria)
criteria1 คือ เงื่อนไขที่เราต้องการสามารถใส่เป็น ค่าโดยตรง หรือ อ้างอิงไปที่เซล ก็ได้
ถ้าเราต้องการตรวจสอบเงื่อนไขมากกว่า 1 เราก็เพียงใส่ criteria range และ criteria เพิ่มไปเรื่อย ๆ เราสามารถใส่ได้สูงสุด 127 เงื่อนไข
ตัวอย่างนี้จะเป็นการ SUM เฉพาะยอดของพนักงานชื่อ John และ สินค้าเป็น Orange เท่านั้น
เงื่อนไขแรกต้องเป็นพนักงานชื่อ John
criteria_range1 ใส่ A3:A9
criteria1 ใส่เป็น E3 หรือจะใส่เป็นตัวอักษรเข้าไปแบบ “John” ก็ได้ แต่ไม่แนะนำเพราะถ้าจะแก้ไขสูตรยากในอนาคต
เงื่อนไขที่ 2 สินค้าต้องเป็น Orange
criteria_range2 ใส่ B3:B9
criteria2 ใส่เป็น F3 หรือจะใส่เป็นตัวอักษรเข้าไปแบบ “Orange” แต่ไม่แนะนำ
ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะเป็น 135,000 ตามภาพด้านล่างครับ
SUMIFS เป็นอีกฟังก์ชันที่ได้ใช้งานค่อนข้างบ่อย ลองฝึกใช้กันเพื่อให้ชำนาญครับ ไว้เจอกันบทความหน้ากับบทความสอนการใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ของ Excel ครับ
อ่านบทความอื่น ๆ ได้ที่นี่ครับ รวมบทความการใช้งาน Excel
ถ้าเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์รบกวนกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยนะครับ และถ้าต้องการติดตามอ่านบทความของเราอย่างต่อเนื่องก็สามารถติดตามได้ที่เพจครับ Facebook.com/sara2udotcom